<h1>Mindset ของเทรดเดอร์: ทำซ้ำสิ่งเดิมๆ เพื่อความสำเร็จระยะยาว</h1>
<p>สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ผมอยากจะพูดคุยเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการเป็นเทรดเดอร์ในตลาด นั่นก็คือเรื่อง <strong>Mindset</strong> ซึ่งถ้าเราสามารถสร้างMindset ที่ดีและยึดมั่นในหลักการได้ เราจะสามารถอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว</p>
<p>เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหากับการยึดมั่นในแผนการของตัวเอง และมักจะหลุดจากสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากความกลัวและความโลภจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น ครอบครัว, สังคมออนไลน์, หรือโซเชียลมีเดียที่เราติดตามอยู่</p>
<blockquote>
<p>"การเทรดที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของการวิเคราะห์กราฟ แต่คือการควบคุมอารมณ์และทำซ้ำสิ่งที่ถูกต้อง" - Warren Buffett</p>
</blockquote>
<hr>
<h2>สิ่งที่เทรดเดอร์ควรทำซ้ำ: ทำสิ่งเดิมๆ ในทุกๆ วัน</h2>
<p>สิ่งแรกที่ผมพบจากประสบการณ์ของผมเองก็คือ การเทรดจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่มันเป็นเรื่องของการทำซ้ำๆ สิ่งเดิมๆ ที่ได้ผลลัพธ์เป็นกำไรมากกว่าขาดทุน</p>
<ul>
<li><strong>ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ</strong>: การทำซ้ำสิ่งที่ได้ผลแล้วอย่างสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการยึดมั่นในการทำสิ่งนั้นทุกครั้งที่ตลาดมีการเคลื่อนไหว</li>
<li><strong>การรอคอย</strong>: การเป็นเทรดเดอร์ที่ดีต้องรู้จักรอคอยโอกาสที่ดี ไม่ใช่แค่เข้าเทรดเพราะอารมณ์หรือเพราะกลัวตกขบวน (FOMO)</li>
</ul>
<hr>
<h2>การจัดการอารมณ์ในตลาด: อย่าให้สิ่งแวดล้อมมากระทบแผนของเรา</h2>
<p>ในตลาดเทรด มันมีสิ่งกระตุ้นมากมายที่ทำให้เราไม่ทำตามแผน เช่น เมื่อเรามองกราฟ เราอาจเห็นว่าตลาดลงอย่างหนัก และทำให้เรากลัวจนไม่กล้าทำตามแผนที่เราวางไว้ หรือบางครั้งตลาดขึ้นมาก จนทำให้เราอยากเข้าตาม ทั้งๆ ที่จริงแล้วเราควรรอให้ตลาดย่อก่อน</p>
<ul>
<li><strong>ตลาดลงและสิ่งแวดล้อมที่กดดัน</strong>: เมื่อเรารู้สึกว่าตลาดลงหนักมาก เราอาจเห็นคนรอบข้างหรือในโซเชียลพูดถึงการขาดทุนและรู้สึกกดดันจนไม่กล้าทำตามแผน</li>
<li><strong>ตลาดขึ้นและความโลภ</strong>: เมื่อเราสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างทำกำไรได้ดี เราอาจถูกกระตุ้นให้เข้าตลาดทันที เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาส</li>
</ul>
<p><img src="/articles/emotional-control-in-trading.webp" alt="การควบคุมอารมณ์ในการเทรด|การควบคุมอารมณ์และไม่ให้สิ่งแวดล้อมมากระทบการตัดสินใจเทรด"></p>
<p>สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้สิ่งแวดล้อมมากระทบแผนของเรา</p>
<hr>
<h2>การเทรดที่ดี: ทำสิ่งที่ได้เปรียบและรู้จักรอ</h2>
<p>การเทรดที่ดีคือการรู้จักรอคอยโอกาสที่เหมาะสมและทำตามแผนที่เราวางไว้ แม้ว่าคนรอบข้างจะบอกว่าตลาดน่ากลัว หรือคนในโซเชียลจะโชว์กำไร สิ่งที่เราต้องทำคือการเชื่อมั่นในแผนและทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ จนกว่าจะได้ผล</p>
<ul>
<li><strong>รอจังหวะที่เหมาะสม</strong>: เราต้องสามารถแยกแยะได้ว่า เมื่อไหร่ที่เราควรเข้าเทรด และเมื่อไหร่ที่เราควรรอ การเข้าเทรดเมื่อโอกาสได้เปรียบมากขึ้นจะทำให้เราเพิ่มโอกาสในการทำกำไร</li>
<li><strong>ไม่ตามกระแส</strong>: อย่าให้ความกลัวหรือความโลภเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจเทรด หากเราทำตามอารมณ์ ตลาดจะเป็นตัวควบคุมเรา แต่ถ้าเราทำตามแผน เราจะเป็นผู้ควบคุมตลาด</li>
</ul>
<hr>
<h2>สรุป: ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ และควบคุมอารมณ์</h2>
<p>การเป็นเทรดเดอร์ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของการวิเคราะห์กราฟหรือการมีแผนการที่ดี แต่มันเกี่ยวข้องกับการทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่ตลาดให้โอกาส และการควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว</p>
<p>ถ้าคุณสามารถทำสิ่งเดิม ๆ ได้โดยไม่หวั่นไหวต่อสิ่งแวดล้อม คุณจะมีโอกาสอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว และทำกำไรได้อย่างยั่งยืน</p>
<p><img src="/articles/trading-mindset.webp" alt="การสร้างมายด์เซ็ทที่ดีในการเทรด|ความสำเร็จในการเทรดระยะยาวเริ่มต้นที่มายด์เซ็ทที่ถูกต้อง"></p>
<blockquote>
<p>"การทำซ้ำสิ่งที่ได้ผลสำเร็จในตลาด คือกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาว"</p>
</blockquote>
<p>ขอให้ทุกคนมีความมั่นคงในMindset และความสำเร็จในการเทรดครับ!</p>



# Mindset ของเทรดเดอร์: ทำซ้ำสิ่งเดิมๆ เพื่อความสำเร็จระยะยาว

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ผมอยากจะพูดคุยเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการเป็นเทรดเดอร์ในตลาด นั่นก็คือเรื่อง **Mindset** ซึ่งถ้าเราสามารถสร้างMindset ที่ดีและยึดมั่นในหลักการได้ เราจะสามารถอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว

เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหากับการยึดมั่นในแผนการของตัวเอง และมักจะหลุดจากสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากความกลัวและความโลภจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น ครอบครัว, สังคมออนไลน์, หรือโซเชียลมีเดียที่เราติดตามอยู่

> "การเทรดที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของการวิเคราะห์กราฟ แต่คือการควบคุมอารมณ์และทำซ้ำสิ่งที่ถูกต้อง" - Warren Buffett

---

## สิ่งที่เทรดเดอร์ควรทำซ้ำ: ทำสิ่งเดิมๆ ในทุกๆ วัน

สิ่งแรกที่ผมพบจากประสบการณ์ของผมเองก็คือ การเทรดจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่มันเป็นเรื่องของการทำซ้ำๆ สิ่งเดิมๆ ที่ได้ผลลัพธ์เป็นกำไรมากกว่าขาดทุน

-   **ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ**: การทำซ้ำสิ่งที่ได้ผลแล้วอย่างสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการยึดมั่นในการทำสิ่งนั้นทุกครั้งที่ตลาดมีการเคลื่อนไหว
-   **การรอคอย**: การเป็นเทรดเดอร์ที่ดีต้องรู้จักรอคอยโอกาสที่ดี ไม่ใช่แค่เข้าเทรดเพราะอารมณ์หรือเพราะกลัวตกขบวน (FOMO)

---

## การจัดการอารมณ์ในตลาด: อย่าให้สิ่งแวดล้อมมากระทบแผนของเรา

ในตลาดเทรด มันมีสิ่งกระตุ้นมากมายที่ทำให้เราไม่ทำตามแผน เช่น เมื่อเรามองกราฟ เราอาจเห็นว่าตลาดลงอย่างหนัก และทำให้เรากลัวจนไม่กล้าทำตามแผนที่เราวางไว้ หรือบางครั้งตลาดขึ้นมาก จนทำให้เราอยากเข้าตาม ทั้งๆ ที่จริงแล้วเราควรรอให้ตลาดย่อก่อน

-   **ตลาดลงและสิ่งแวดล้อมที่กดดัน**: เมื่อเรารู้สึกว่าตลาดลงหนักมาก เราอาจเห็นคนรอบข้างหรือในโซเชียลพูดถึงการขาดทุนและรู้สึกกดดันจนไม่กล้าทำตามแผน
-   **ตลาดขึ้นและความโลภ**: เมื่อเราสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างทำกำไรได้ดี เราอาจถูกกระตุ้นให้เข้าตลาดทันที เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาส

![การควบคุมอารมณ์ในการเทรด|การควบคุมอารมณ์และไม่ให้สิ่งแวดล้อมมากระทบการตัดสินใจเทรด](/articles/emotional-control-in-trading.webp)

สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้สิ่งแวดล้อมมากระทบแผนของเรา

---

## การเทรดที่ดี: ทำสิ่งที่ได้เปรียบและรู้จักรอ

การเทรดที่ดีคือการรู้จักรอคอยโอกาสที่เหมาะสมและทำตามแผนที่เราวางไว้ แม้ว่าคนรอบข้างจะบอกว่าตลาดน่ากลัว หรือคนในโซเชียลจะโชว์กำไร สิ่งที่เราต้องทำคือการเชื่อมั่นในแผนและทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ จนกว่าจะได้ผล

-   **รอจังหวะที่เหมาะสม**: เราต้องสามารถแยกแยะได้ว่า เมื่อไหร่ที่เราควรเข้าเทรด และเมื่อไหร่ที่เราควรรอ การเข้าเทรดเมื่อโอกาสได้เปรียบมากขึ้นจะทำให้เราเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
-   **ไม่ตามกระแส**: อย่าให้ความกลัวหรือความโลภเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจเทรด หากเราทำตามอารมณ์ ตลาดจะเป็นตัวควบคุมเรา แต่ถ้าเราทำตามแผน เราจะเป็นผู้ควบคุมตลาด

---

## สรุป: ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ และควบคุมอารมณ์

การเป็นเทรดเดอร์ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของการวิเคราะห์กราฟหรือการมีแผนการที่ดี แต่มันเกี่ยวข้องกับการทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่ตลาดให้โอกาส และการควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว

ถ้าคุณสามารถทำสิ่งเดิม ๆ ได้โดยไม่หวั่นไหวต่อสิ่งแวดล้อม คุณจะมีโอกาสอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว และทำกำไรได้อย่างยั่งยืน

![การสร้างมายด์เซ็ทที่ดีในการเทรด|ความสำเร็จในการเทรดระยะยาวเริ่มต้นที่มายด์เซ็ทที่ถูกต้อง](/articles/trading-mindset.webp)

> "การทำซ้ำสิ่งที่ได้ผลสำเร็จในตลาด คือกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาว"

ขอให้ทุกคนมีความมั่นคงในMindset และความสำเร็จในการเทรดครับ!


แนวคิดเกี่ยวกับMindset ของนักเทรดและการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราไม่สามารถอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว

Mindset ของเทรดเดอร์: ทำซ้ำสิ่งเดิมๆ เพื่อความสำเร็จระยะยาว

<h1>เทรดระยะสั้น vs ลงทุนระยะยาว: ความโลภและมุมมองที่แตกต่าง</h1>
<p><img src="/articles/greed-and-patience-in-investing.webp" alt="ความโลภและความอดทนในการลงทุน"></p>
<p>ในโลกของการลงทุน มีสองแนวทางหลักที่นักลงทุนมักพูดถึงกัน นั่นคือการ <strong>เทรดระยะสั้น</strong> และการ <strong>ลงทุนระยะยาว</strong> แนวทางทั้งสองนี้มีหลักการที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยวันนี้ผมจะมาแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง <strong>ความโลภ</strong> และ <strong>มุมมอง</strong> ในการลงทุนทั้งสองประเภทนี้กันครับ</p>
<h2>การเทรดระยะสั้น: อย่าโลภ และรอจังหวะให้ดี</h2>
<p>การเทรดระยะสั้นนั้นต้องใช้ทักษะในการควบคุมอารมณ์เป็นหลัก โดยเฉพาะความโลภ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เทรดเดอร์ล้มเหลวได้ สองประการสำคัญที่ควรจำไว้ในการเทรดระยะสั้นคือ:</p>
<ol>
<li>
<p><strong>อย่าโลภ</strong>:
ความโลภในการเทรดระยะสั้นเป็นสิ่งที่อันตราย มันอาจทำให้เราตัดสินใจไม่ดี เช่น ถือหุ้นนานเกินไปหรือเข้าเทรดบ่อยเกินไปโดยไม่มีแผน</p>
<blockquote>
<p>"ความโลภในการเทรดระยะสั้นเหมือนการเล่นกับไฟ คุณอาจจะได้แสงสว่าง แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเผา"</p>
</blockquote>
</li>
<li>
<p><strong>รอจังหวะในการเข้าให้ดี</strong>:
ความอดทนในการรอจังหวะที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญ เพราะบางครั้งการไม่ทำอะไรเลยอาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด</p>
<blockquote>
<p>"การเทรดที่ดีมักมาจากการรอคอยอย่างอดทน ไม่ใช่การเข้าเทรดทุกครั้งที่เห็นโอกาส"</p>
</blockquote>
</li>
</ol>
<p><img src="/articles/waiting-for-the-right-moment.webp" alt="รอจังหวะในการเทรด"></p>
<h2>การลงทุนระยะยาว: จงโลภ และมองโลกในแง่ดี</h2>
<p>ในทางกลับกัน การลงทุนระยะยาวจะเน้นที่การมองภาพรวมใหญ่ และการคาดการณ์ระยะยาว สองหลักสำคัญของการลงทุนระยะยาวคือ:</p>
<ol>
<li>
<p><strong>จงโลภ (ในเวลาที่เหมาะสม)</strong>:
ในการลงทุนระยะยาว เราควรกล้าที่จะ "โลภ" โดยเฉพาะเมื่อเห็นโอกาสที่ดีในช่วงที่ตลาดตกต่ำ การซื้อเพิ่มในเวลาที่เหมาะสมสามารถทำให้ผลตอบแทนระยะยาวเติบโตอย่างมั่นคง</p>
<blockquote>
<p>"ความโลภในการลงทุนระยะยาวคือการมองเห็นโอกาสในวิกฤต และกล้าที่จะลงทุนเพิ่ม"</p>
</blockquote>
</li>
<li>
<p><strong>มองโลกในแง่ดี</strong>:
การลงทุนระยะยาวต้องมีมุมมองในแง่ดี เชื่อว่าตลาดและเศรษฐกิจจะเติบโตในระยะยาว แม้ในช่วงเวลาที่ผันผวน</p>
<blockquote>
<p>"การมองโลกในแง่ดีไม่ได้หมายถึงการมองข้ามความเสี่ยง แต่คือการเชื่อในศักยภาพการเติบโตระยะยาว"</p>
</blockquote>
</li>
</ol>
<p><img src="/articles/optimistic-investing.webp" alt="มองโลกในแง่ดีในการลงทุน"></p>
<h2>ความแตกต่างที่สำคัญ</h2>
<ol>
<li>
<p><strong>การเทรดระยะสั้น</strong>:</p>
<ul>
<li>อย่าโลภ อย่าโลภ อย่าโลภ</li>
<li>ต้องมีความอดทนในการรอจังหวะการเข้า - ออกที่เหมาะสม</li>
<li>หลีกเลี่ยงการเทรดบ่อยเกินไป</li>
</ul>
</li>
<li>
<p><strong>การลงทุนระยะยาว</strong>:</p>
<ul>
<li>กล้าที่จะ "โลภ" เมื่อเห็นโอกาสในการลงทุนในระยะยาว</li>
<li>มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาด</li>
<li>ลงทุนอย่างสม่ำเสมอและไม่กลัวความผันผวนระยะสั้น</li>
</ul>
</li>
</ol>
<h2>สรุป</h2>
<p>การเลือกแนวทางในการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการเทรดระยะสั้นหรือการลงทุนระยะยาว ขึ้นอยู่กับการเข้าใจตัวเองและความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ทั้งสองแนวทางมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีแผนและทำตามแผนอย่างมีวินัย</p>
<p>ถ้าเพื่อน ๆ มีเวลา ผมแนะนำให้ลองแยกพอร์ตเป็นการลงทุนระยะยาวและการเทรดระยะสั้นเลยครับ เพราะการบริหารพอร์ตทั้งสองประเภทนี้จะช่วยให้เราได้เห็นอารมณ์ของเราเอง รวมถึงมุมมองที่แตกต่างกันจากการบริหารพอร์ตสองประเภทนี้ และมันจะเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมอารมณ์ในแต่ละแบบด้วย</p>
<p>ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ!</p>



# เทรดระยะสั้น vs ลงทุนระยะยาว: ความโลภและมุมมองที่แตกต่าง

![ความโลภและความอดทนในการลงทุน](/articles/greed-and-patience-in-investing.webp)

ในโลกของการลงทุน มีสองแนวทางหลักที่นักลงทุนมักพูดถึงกัน นั่นคือการ **เทรดระยะสั้น** และการ **ลงทุนระยะยาว** แนวทางทั้งสองนี้มีหลักการที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยวันนี้ผมจะมาแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง **ความโลภ** และ **มุมมอง** ในการลงทุนทั้งสองประเภทนี้กันครับ

## การเทรดระยะสั้น: อย่าโลภ และรอจังหวะให้ดี

การเทรดระยะสั้นนั้นต้องใช้ทักษะในการควบคุมอารมณ์เป็นหลัก โดยเฉพาะความโลภ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เทรดเดอร์ล้มเหลวได้ สองประการสำคัญที่ควรจำไว้ในการเทรดระยะสั้นคือ:

1. **อย่าโลภ**:
   ความโลภในการเทรดระยะสั้นเป็นสิ่งที่อันตราย มันอาจทำให้เราตัดสินใจไม่ดี เช่น ถือหุ้นนานเกินไปหรือเข้าเทรดบ่อยเกินไปโดยไม่มีแผน

    > "ความโลภในการเทรดระยะสั้นเหมือนการเล่นกับไฟ คุณอาจจะได้แสงสว่าง แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเผา"

2. **รอจังหวะในการเข้าให้ดี**:
   ความอดทนในการรอจังหวะที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญ เพราะบางครั้งการไม่ทำอะไรเลยอาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด

    > "การเทรดที่ดีมักมาจากการรอคอยอย่างอดทน ไม่ใช่การเข้าเทรดทุกครั้งที่เห็นโอกาส"

![รอจังหวะในการเทรด](/articles/waiting-for-the-right-moment.webp)

## การลงทุนระยะยาว: จงโลภ และมองโลกในแง่ดี

ในทางกลับกัน การลงทุนระยะยาวจะเน้นที่การมองภาพรวมใหญ่ และการคาดการณ์ระยะยาว สองหลักสำคัญของการลงทุนระยะยาวคือ:

1. **จงโลภ (ในเวลาที่เหมาะสม)**:
   ในการลงทุนระยะยาว เราควรกล้าที่จะ "โลภ" โดยเฉพาะเมื่อเห็นโอกาสที่ดีในช่วงที่ตลาดตกต่ำ การซื้อเพิ่มในเวลาที่เหมาะสมสามารถทำให้ผลตอบแทนระยะยาวเติบโตอย่างมั่นคง

    > "ความโลภในการลงทุนระยะยาวคือการมองเห็นโอกาสในวิกฤต และกล้าที่จะลงทุนเพิ่ม"

2. **มองโลกในแง่ดี**:
   การลงทุนระยะยาวต้องมีมุมมองในแง่ดี เชื่อว่าตลาดและเศรษฐกิจจะเติบโตในระยะยาว แม้ในช่วงเวลาที่ผันผวน

    > "การมองโลกในแง่ดีไม่ได้หมายถึงการมองข้ามความเสี่ยง แต่คือการเชื่อในศักยภาพการเติบโตระยะยาว"

![มองโลกในแง่ดีในการลงทุน](/articles/optimistic-investing.webp)

## ความแตกต่างที่สำคัญ

1. **การเทรดระยะสั้น**:

    - อย่าโลภ อย่าโลภ อย่าโลภ
    - ต้องมีความอดทนในการรอจังหวะการเข้า - ออกที่เหมาะสม
    - หลีกเลี่ยงการเทรดบ่อยเกินไป

2. **การลงทุนระยะยาว**:
    - กล้าที่จะ "โลภ" เมื่อเห็นโอกาสในการลงทุนในระยะยาว
    - มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาด
    - ลงทุนอย่างสม่ำเสมอและไม่กลัวความผันผวนระยะสั้น

## สรุป

การเลือกแนวทางในการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการเทรดระยะสั้นหรือการลงทุนระยะยาว ขึ้นอยู่กับการเข้าใจตัวเองและความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ทั้งสองแนวทางมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีแผนและทำตามแผนอย่างมีวินัย

ถ้าเพื่อน ๆ มีเวลา ผมแนะนำให้ลองแยกพอร์ตเป็นการลงทุนระยะยาวและการเทรดระยะสั้นเลยครับ เพราะการบริหารพอร์ตทั้งสองประเภทนี้จะช่วยให้เราได้เห็นอารมณ์ของเราเอง รวมถึงมุมมองที่แตกต่างกันจากการบริหารพอร์ตสองประเภทนี้ และมันจะเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมอารมณ์ในแต่ละแบบด้วย

ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ!


เปรียบเทียบแนวคิดเรื่องความโลภและมุมมองระหว่างการเทรดระยะสั้นและการลงทุนระยะยาว

เทรดระยะสั้น vs ลงทุนระยะยาว: ความโลภและมุมมองที่แตกต่าง

<h1>เทรดระยะสั้น: ใครคือผู้แพ้?</h1>
<p>สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อที่น่าสนใจว่า ในการเทรดระยะสั้น ใครกันแน่ที่มักจะเป็นผู้แพ้ ผมอยากให้ทุกคนลองอ่านและคิดตามดูดี ๆ จากประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา ผมสรุปได้เป็น 2 ข้อหลัก ๆ ที่มักทำให้คนแพ้ในตลาดครับ</p>
<h3>1. <strong>คนที่กลัวเมื่อตลาดลง</strong>:</h3>
<p>คือพวกที่วางแผนไว้ดีแล้ว แต่พอตลาดลงจริงๆ กลับไม่กล้าซื้อตามแผนเพราะกลัว</p>
<blockquote>
<p>"ตลาดมักสร้างความมั่งคั่งให้กับคนที่กล้าซื้อเมื่อคนอื่นกลัว" - วอร์เรน บัฟเฟตต์</p>
</blockquote>
<h3>2. <strong>คนที่โลภเมื่อตลาดขึ้น</strong>:</h3>
<p>พวกนี้เห็นตลาดขึ้นแล้วทนไม่ไหว กลัวตกขบวน เลยรีบโฟโม่เข้าไปซื้อทั้งๆ ที่ไม่อยู่ในแผน</p>
<blockquote>
<p>"ความโลภทำให้คนฉลาดกลายเป็นคนโง่" - วอร์เรน บัฟเฟตต์</p>
</blockquote>
<p><img src="/articles/short-term-trading-mistakes.webp" alt="ข้อผิดพลาดในการเทรดระยะสั้น|อยากอยู่รอดระยะยาว ต้องเริ่มต้นจาก mindset ที่ดีก่อน"></p>
<p>ถ้าคุณยังทำแบบนี้อยู่ ไม่สามารถทนซื้อตอนที่<strong>กลัว (ทั้งๆ ที่เข้าตามแผน)</strong> และดันไป<strong>กลัวตกรถ</strong>เมื่อตลาดดีดขึ้นเยอะๆ ผมบอกเลยว่าคุณมีแนวโน้มจะแพ้สูงมาก</p>
<p>แต่ความจริงแล้ว การเทรดที่ดีนั้นง่าย(แต่ทำยาก เพราะอารมณ์เรานั่นแหละ) ทำได้ตามนี้:</p>
<ul>
<li>ทำตามแผน</li>
<li>ซื้อตอนที่คุณกลัว (เมื่อราคาลงมาถึงจุดที่วางแผนไว้) พร้อมตั้ง stop loss</li>
<li>ไม่เข้าซื้อเพราะ fomo หรือ กลัวตกรถ</li>
</ul>
<p>ถ้าคุณทำข้อแรกได้ (ซื้อตามแผนตอนตลาดลง) คุณจะไม่มีปัญหาในข้อสองเลย (กลัวตกรถ) เพราะคุณมีของอยู่แล้ว</p>
<blockquote>
<p>"บางทีเรามัวแต่มองหาระบบเทรดที่ดี indicator ที่เทพ จนลืมมองมาที่ mindset และนิสัยของเราในการเทรด ซึ่งนี้ต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดระยะสั้น" - coffeedev</p>
</blockquote>



# เทรดระยะสั้น: ใครคือผู้แพ้?

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อที่น่าสนใจว่า ในการเทรดระยะสั้น ใครกันแน่ที่มักจะเป็นผู้แพ้ ผมอยากให้ทุกคนลองอ่านและคิดตามดูดี ๆ จากประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา ผมสรุปได้เป็น 2 ข้อหลัก ๆ ที่มักทำให้คนแพ้ในตลาดครับ

### 1. **คนที่กลัวเมื่อตลาดลง**:

คือพวกที่วางแผนไว้ดีแล้ว แต่พอตลาดลงจริงๆ กลับไม่กล้าซื้อตามแผนเพราะกลัว

> "ตลาดมักสร้างความมั่งคั่งให้กับคนที่กล้าซื้อเมื่อคนอื่นกลัว" - วอร์เรน บัฟเฟตต์

### 2. **คนที่โลภเมื่อตลาดขึ้น**:

พวกนี้เห็นตลาดขึ้นแล้วทนไม่ไหว กลัวตกขบวน เลยรีบโฟโม่เข้าไปซื้อทั้งๆ ที่ไม่อยู่ในแผน

> "ความโลภทำให้คนฉลาดกลายเป็นคนโง่" - วอร์เรน บัฟเฟตต์

![ข้อผิดพลาดในการเทรดระยะสั้น|อยากอยู่รอดระยะยาว ต้องเริ่มต้นจาก mindset ที่ดีก่อน](/articles/short-term-trading-mistakes.webp)

ถ้าคุณยังทำแบบนี้อยู่ ไม่สามารถทนซื้อตอนที่**กลัว (ทั้งๆ ที่เข้าตามแผน)** และดันไป**กลัวตกรถ**เมื่อตลาดดีดขึ้นเยอะๆ ผมบอกเลยว่าคุณมีแนวโน้มจะแพ้สูงมาก

แต่ความจริงแล้ว การเทรดที่ดีนั้นง่าย(แต่ทำยาก เพราะอารมณ์เรานั่นแหละ) ทำได้ตามนี้:

-   ทำตามแผน
-   ซื้อตอนที่คุณกลัว (เมื่อราคาลงมาถึงจุดที่วางแผนไว้) พร้อมตั้ง stop loss
-   ไม่เข้าซื้อเพราะ fomo หรือ กลัวตกรถ

ถ้าคุณทำข้อแรกได้ (ซื้อตามแผนตอนตลาดลง) คุณจะไม่มีปัญหาในข้อสองเลย (กลัวตกรถ) เพราะคุณมีของอยู่แล้ว

> "บางทีเรามัวแต่มองหาระบบเทรดที่ดี indicator ที่เทพ จนลืมมองมาที่ mindset และนิสัยของเราในการเทรด ซึ่งนี้ต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดระยะสั้น" - coffeedev


วิเคราะห์สั้นๆ ว่าใครมักเป็นผู้แพ้ในการเทรดระยะสั้น และวิธีหลีกเลี่ยงการเป็นผู้แพ้

เทรดระยะสั้น: ใครคือผู้แพ้?

<h2>You Are Paid to Wait: Mindset ที่สำคัญที่สุดในการอยู่รอดระยะยาว</h2>
<p>วันนี้เรามาพูดถึงมายด์เซ็ทในการเทรดที่สำคัญที่สุดที่ผมเชื่อว่าจะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว นั่นก็คือ <strong>การรอคอย</strong> ใช่แล้วครับ ไม่ต้องไปตามหาสูตรลับหรืออินดิเคเตอร์ที่ดีที่สุดหรอก เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการ <strong>รอให้เป็น</strong> ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการเข้าใจ แต่ก็ยากต่อการปฏิบัติจริงที่สุดด้วย</p>
<h3>ไม่ต้องวิ่งตามระบบหรืออินดิเคเตอร์</h3>
<p>ในช่วงแรกของการเทรด ผมก็เหมือนกับหลาย ๆ คน ที่พยายามวิ่งตามหาอินดิเคเตอร์หรือระบบเทรดต่าง ๆ ที่เห็นคนอื่น ๆ โพสต์โชว์กำไรในโซเชียลมีเดีย เห็นคนนี้ใช้ระบบนี้แล้วกำไร ผมก็รีบเปลี่ยนตาม ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง สุดท้ายก็เหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต ไม่ได้ไปไหนไกลสักที</p>
<p>สิ่งที่ผมเรียนรู้จากประสบการณ์คือ ไม่มีระบบไหนที่ดีที่สุดหรอก ถ้าคุณ <strong>รอไม่เป็น</strong> ต่อให้มีระบบที่ดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยให้คุณทำกำไรได้</p>
<p><img src="/articles/you_are_paid_to_wait.webp" alt="คุณต้องรออย่างใจเย็น|การเทรดที่ดีคือการรู้จักรอ เราไม่จำเป็นต้อง take ทุก action"></p>
<blockquote>
<p><strong>"You are paid to wait."</strong> รอให้เป็นแล้วคุณจะได้เงินเป็นค่าตอบแทน</p>
</blockquote>
<h3>สิ่งที่ยากที่สุดคือการรอ</h3>
<p>การรอคอยเป็นสิ่งที่น่าเบื่อและยากสำหรับมนุษย์ทุกคน เพราะธรรมชาติของเรานั้นมีความโลภและความกังวลใจ เราเห็นเพื่อนได้กำไรแล้ว เราก็อยากได้บ้าง เห็นคนอื่นเปิด positionแล้ว เราก็อยากตามเข้าไปทันที แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้เราตกหลุมพรางของตลาด</p>
<p>มายด์เซ็ทที่สำคัญในการเทรดคือการเข้าใจว่าบางครั้งคุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย การรอให้ถึงจังหวะที่คุณวางแผนไว้นั้นสำคัญมากกว่าการพยายามหากำไรทุกวันจากทุกการเคลื่อนไหวของตลาด</p>
<h3>คุณต้องรู้จักการรอคอยที่ถูกต้อง</h3>
<p>เมื่อคุณวางแผนและกำหนดเป้าหมายในการเข้าและออกจากตลาดไว้แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือ <strong>รอ</strong> รอให้ถึงจุดที่คุณวางแผนไว้ โดยไม่ปล่อยให้ความโลภหรือความกลัวเข้ามาครอบงำ</p>
<p>"<strong>You are paid to wait.</strong>" มันเป็นคำที่ฟังดูง่ายที่สุด แต่การทำตามนั้นยากที่สุด เพราะคุณต้องควบคุมความรู้สึกของตัวเองให้ได้ และนั่นมันคือสิ่งที่ยากที่สุดเพราะเราคือมนุษย์</p>
<p>การรู้จักรอและปฏิบัติตามแผนที่คุณวางไว้อย่างเคร่งครัด เป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีโอกาสสำเร็จในการเทรดในระยะยาว</p>
<hr>
<p>สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น <strong>You are paid to wait.</strong> การเทรดที่ดีไม่จำเป็นต้องเทรดบ่อย แต่คือการรอคอยโอกาสที่ดีที่สุด และนั่นคือจุดที่สำคัญที่สุดในการทำกำไรอย่างยั่งยืน</p>



## You Are Paid to Wait: Mindset ที่สำคัญที่สุดในการอยู่รอดระยะยาว

วันนี้เรามาพูดถึงมายด์เซ็ทในการเทรดที่สำคัญที่สุดที่ผมเชื่อว่าจะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว นั่นก็คือ **การรอคอย** ใช่แล้วครับ ไม่ต้องไปตามหาสูตรลับหรืออินดิเคเตอร์ที่ดีที่สุดหรอก เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการ **รอให้เป็น** ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการเข้าใจ แต่ก็ยากต่อการปฏิบัติจริงที่สุดด้วย

### ไม่ต้องวิ่งตามระบบหรืออินดิเคเตอร์

ในช่วงแรกของการเทรด ผมก็เหมือนกับหลาย ๆ คน ที่พยายามวิ่งตามหาอินดิเคเตอร์หรือระบบเทรดต่าง ๆ ที่เห็นคนอื่น ๆ โพสต์โชว์กำไรในโซเชียลมีเดีย เห็นคนนี้ใช้ระบบนี้แล้วกำไร ผมก็รีบเปลี่ยนตาม ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง สุดท้ายก็เหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต ไม่ได้ไปไหนไกลสักที

สิ่งที่ผมเรียนรู้จากประสบการณ์คือ ไม่มีระบบไหนที่ดีที่สุดหรอก ถ้าคุณ **รอไม่เป็น** ต่อให้มีระบบที่ดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยให้คุณทำกำไรได้

![คุณต้องรออย่างใจเย็น|การเทรดที่ดีคือการรู้จักรอ เราไม่จำเป็นต้อง take ทุก action](/articles/you_are_paid_to_wait.webp)

> **"You are paid to wait."** รอให้เป็นแล้วคุณจะได้เงินเป็นค่าตอบแทน

### สิ่งที่ยากที่สุดคือการรอ

การรอคอยเป็นสิ่งที่น่าเบื่อและยากสำหรับมนุษย์ทุกคน เพราะธรรมชาติของเรานั้นมีความโลภและความกังวลใจ เราเห็นเพื่อนได้กำไรแล้ว เราก็อยากได้บ้าง เห็นคนอื่นเปิด positionแล้ว เราก็อยากตามเข้าไปทันที แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้เราตกหลุมพรางของตลาด

มายด์เซ็ทที่สำคัญในการเทรดคือการเข้าใจว่าบางครั้งคุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย การรอให้ถึงจังหวะที่คุณวางแผนไว้นั้นสำคัญมากกว่าการพยายามหากำไรทุกวันจากทุกการเคลื่อนไหวของตลาด

### คุณต้องรู้จักการรอคอยที่ถูกต้อง

เมื่อคุณวางแผนและกำหนดเป้าหมายในการเข้าและออกจากตลาดไว้แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือ **รอ** รอให้ถึงจุดที่คุณวางแผนไว้ โดยไม่ปล่อยให้ความโลภหรือความกลัวเข้ามาครอบงำ

"**You are paid to wait.**" มันเป็นคำที่ฟังดูง่ายที่สุด แต่การทำตามนั้นยากที่สุด เพราะคุณต้องควบคุมความรู้สึกของตัวเองให้ได้ และนั่นมันคือสิ่งที่ยากที่สุดเพราะเราคือมนุษย์

การรู้จักรอและปฏิบัติตามแผนที่คุณวางไว้อย่างเคร่งครัด เป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีโอกาสสำเร็จในการเทรดในระยะยาว

---

สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น **You are paid to wait.** การเทรดที่ดีไม่จำเป็นต้องเทรดบ่อย แต่คือการรอคอยโอกาสที่ดีที่สุด และนั่นคือจุดที่สำคัญที่สุดในการทำกำไรอย่างยั่งยืน


การรอคอยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดระยะยาวที่ประสบความสำเร็จ

You Are Paid to Wait: Mindset ที่สำคัญที่สุดในการอยู่รอดระยะยาว

<h2>วิเคราะห์ราคา Bitcoin: กราฟ Day, 4H, และ 1H</h2>
<p>วันนี้เรามาวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin โดยอ้างอิงจากกราฟในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้แก่ กราฟรายวัน (Day), กราฟ 4 ชั่วโมง (4H), และกราฟ 1 ชั่วโมง (1H) ซึ่งแสดงถึงสภาวะตลาดและโอกาสในการทำกำไรหรือการปรับกลยุทธ์ของผู้เทรดและนักลงทุน</p>
<p><img src="/articles/btc_18_09_2024_day.png" alt="Bitcoin Daily Chart|กราฟรายวันของ Bitcoin แสดงการเคลื่อนไหวในภาพรวมของตลาด"></p>
<h3>กราฟรายวัน (Day)</h3>
<p>จากกราฟรายวัน เราจะเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของเทรนด์ระยะยาว ซึ่งแนวโน้มในช่วงนี้แสดงถึงความพยายามของราคาในการฟื้นตัวจากแนวรับหลักที่ประมาณ 58,000 ดอลลาร์ หลังจากการปรับฐานหลายวัน เราจะสังเกตได้ว่ามีสัญญาณบวกที่เริ่มปรากฏเมื่อราคาเริ่มทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ที่สำคัญในช่วง 60,000 ดอลลาร์</p>
<p>การฟื้นตัวนี้อาจนำไปสู่การพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 62,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญที่จะบ่งบอกถึงการกลับเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น</p>
<h3>กราฟ 4 ชั่วโมง (4H)</h3>
<p>กราฟ 4 ชั่วโมงให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลาง โดยราคาของ Bitcoin ในช่วงนี้มีการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายเส้น และมีการปรับตัวเข้าสู่กรอบแนวรับแนวต้านที่ชัดเจนมากขึ้น</p>
<p><img src="/articles/btc_18_09_2024_4h.png" alt="Bitcoin 4H Chart|กราฟ 4 ชั่วโมงแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลาง"></p>
<p>จากการวิเคราะห์ล่าสุด ราคามีการทดสอบแนวต้านในช่วง 60,000 ดอลลาร์หลายครั้งแต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ และยังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ 57,000 ดอลลาร์ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้</p>
<h3>กราฟ 1 ชั่วโมง (1H)</h3>
<p>สำหรับนักเทรดที่เน้นการเคลื่อนไหวระยะสั้น กราฟ 1 ชั่วโมงจะให้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มในแต่ละช่วงของวัน โดยกราฟ 1 ชั่วโมงแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่เป็นกรอบการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ (Sideway) ในช่วงระหว่าง 58,000 - 60,000 ดอลลาร์</p>
<p><img src="/articles/btc_18_09_2024_1h.png" alt="Bitcoin 1H Chart|กราฟ 1 ชั่วโมงแสดงการเคลื่อนไหวระยะสั้นในช่วงวันที่ผ่านมา"></p>
<p>ราคามีการแกว่งตัวขึ้นลงระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น ซึ่งบ่งบอกถึงการรอคอยข่าวสารหรือตัวกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น</p>
<hr>
<p>จากการวิเคราะห์ทั้งสามกราฟ เราจะเห็นได้ว่าราคา Bitcoin ยังอยู่ในช่วงการพักฐานและรอการตัดสินใจของตลาด ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวกลับเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น หรือการปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ต่ำกว่า นักลงทุนควรพิจารณาการจัดการความเสี่ยงและติดตามข่าวสารตลาดอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้</p>



## วิเคราะห์ราคา Bitcoin: กราฟ Day, 4H, และ 1H

วันนี้เรามาวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin โดยอ้างอิงจากกราฟในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้แก่ กราฟรายวัน (Day), กราฟ 4 ชั่วโมง (4H), และกราฟ 1 ชั่วโมง (1H) ซึ่งแสดงถึงสภาวะตลาดและโอกาสในการทำกำไรหรือการปรับกลยุทธ์ของผู้เทรดและนักลงทุน

![Bitcoin Daily Chart|กราฟรายวันของ Bitcoin แสดงการเคลื่อนไหวในภาพรวมของตลาด](/articles/btc_18_09_2024_day.png)

### กราฟรายวัน (Day)

จากกราฟรายวัน เราจะเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของเทรนด์ระยะยาว ซึ่งแนวโน้มในช่วงนี้แสดงถึงความพยายามของราคาในการฟื้นตัวจากแนวรับหลักที่ประมาณ 58,000 ดอลลาร์ หลังจากการปรับฐานหลายวัน เราจะสังเกตได้ว่ามีสัญญาณบวกที่เริ่มปรากฏเมื่อราคาเริ่มทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ที่สำคัญในช่วง 60,000 ดอลลาร์

การฟื้นตัวนี้อาจนำไปสู่การพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 62,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญที่จะบ่งบอกถึงการกลับเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น

### กราฟ 4 ชั่วโมง (4H)

กราฟ 4 ชั่วโมงให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลาง โดยราคาของ Bitcoin ในช่วงนี้มีการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายเส้น และมีการปรับตัวเข้าสู่กรอบแนวรับแนวต้านที่ชัดเจนมากขึ้น

![Bitcoin 4H Chart|กราฟ 4 ชั่วโมงแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลาง](/articles/btc_18_09_2024_4h.png)

จากการวิเคราะห์ล่าสุด ราคามีการทดสอบแนวต้านในช่วง 60,000 ดอลลาร์หลายครั้งแต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ และยังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ 57,000 ดอลลาร์ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้

### กราฟ 1 ชั่วโมง (1H)

สำหรับนักเทรดที่เน้นการเคลื่อนไหวระยะสั้น กราฟ 1 ชั่วโมงจะให้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มในแต่ละช่วงของวัน โดยกราฟ 1 ชั่วโมงแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่เป็นกรอบการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ (Sideway) ในช่วงระหว่าง 58,000 - 60,000 ดอลลาร์

![Bitcoin 1H Chart|กราฟ 1 ชั่วโมงแสดงการเคลื่อนไหวระยะสั้นในช่วงวันที่ผ่านมา](/articles/btc_18_09_2024_1h.png)

ราคามีการแกว่งตัวขึ้นลงระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น ซึ่งบ่งบอกถึงการรอคอยข่าวสารหรือตัวกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น

---

จากการวิเคราะห์ทั้งสามกราฟ เราจะเห็นได้ว่าราคา Bitcoin ยังอยู่ในช่วงการพักฐานและรอการตัดสินใจของตลาด ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวกลับเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น หรือการปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ต่ำกว่า นักลงทุนควรพิจารณาการจัดการความเสี่ยงและติดตามข่าวสารตลาดอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้


การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin วันนี้ โดยดูจากกราฟรายวัน (Day), ราย 4 ชั่วโมง (4H), และราย 1 ชั่วโมง (1H)

(18 SEP 2024) วิเคราะห์ราคา Bitcoin: การเคลื่อนไหวของราคาในกราฟ Day, 4H, และ 1H

<h2>ความโลภในการเทรด: เพราะใคร ๆ ก็อยากรวยเร็ว แต่ลืมไปว่า "ใจต้องเย็น"</h2>
<p>สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง "ความโลภ" ในการเทรดดีกว่า ใคร ๆ ก็รู้ว่าในการเทรดนั้น <strong>ความโลภ</strong> มักเป็นสิ่งที่ทำให้นักเทรดหลายคนต้องตกหลุมไปไม่มากก็น้อย ผมเองก็เจอมาเหมือนกัน (เยอะด้วยนะ 555) เรามาดูกันว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง และจะป้องกันตัวเองยังไง</p>
<h3>ทุกคนอยากรวยเร็ว แต่มันมีราคาที่ต้องจ่าย</h3>
<p>มันเป็นเรื่องธรรมดาเลยครับ เมื่อเราเห็นกราฟพุ่งขึ้น เราก็จะเริ่มคิดในใจว่า "เอ๊ะ... ถ้าใส่เพิ่มเข้าไปหน่อย คงได้กำไรอีกแน่ ๆ" แต่พอใส่เข้าไปปุ๊บ กราฟมันดันพุ่งลงทันที! ตอนนั้นบอกเลยครับ ใจผมนี่ตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว เหมือนอยู่ดี ๆ ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่ไม่มีทางออก</p>
<p>การเทรดมันไม่เหมือนการซื้อลอตเตอรี่ครับ เราต้องมีแผนและมีการจัดการความเสี่ยง แต่พอความโลภเข้ามาเกี่ยว ทุกอย่างพังได้ง่าย ๆ เลย</p>
<blockquote>
<p>"อยากรวยเร็วไม่ผิด แต่ลืมไปว่าใจต้องเย็นก่อน" — เพื่อนเทรดคนหนึ่งเคยบอกผมไว้ และมันจริงมากครับ</p>
</blockquote>
<h3>ความโลภทำให้เรามองไม่เห็นความเสี่ยง</h3>
<p>ความโลภทำให้เราเหมือนใส่แว่นตาที่บังความเสี่ยงทุกอย่างในตลาด จู่ ๆ ก็คิดว่า "กราฟนี้ยังไงก็ไปต่อได้แน่ ๆ" แต่สุดท้ายแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ความจริงคือเราต้องมองตลาดอย่างมีเหตุผล แต่ตอนที่ความโลภเข้ามาคุมเกม สมองของเรามักจะปิดการประมวลผลความเสี่ยงไปซะเฉย ๆ</p>
<p><img src="/articles/greedy_trading.webp" alt="ความโลภในการเทรด|ภาพประกอบเกี่ยวกับความโลภในการเทรด"></p>
<h3>เรื่องขำ ๆ ของผมกับความโลภ</h3>
<p>มีครั้งหนึ่งที่ผมคิดว่าผมเจอ "โอกาสทอง" ในการเทรด ผมเห็นกราฟพุ่งขึ้นเร็วมาก และแน่นอน... ผมใส่เงินเพิ่มเข้าไปเต็มที่ แล้วก็เฝ้ารอให้กราฟพุ่งต่อไป แต่กลับกลายเป็นว่ากราฟดันพุ่งลงแทบจะทันที ตอนนั้นผมนี่หัวเราะไม่ออกเลยครับ 555 แต่ก็เป็นบทเรียนที่สอนให้ผมรู้ว่า การเทรดมันไม่ได้เกี่ยวกับโชค มันเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์</p>
<blockquote>
<p>"เมื่อคุณอยากรวยเร็ว สิ่งแรกที่คุณต้องเตือนตัวเองคือ ถามว่าคุณเสี่ยงมากไปหรือเปล่า?"</p>
</blockquote>
<h3>วิธีจัดการความโลภ</h3>
<ol>
<li><strong>ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน</strong>: รู้ว่าเป้าหมายการเทรดของคุณคืออะไร และหากถึงเป้าหมายแล้ว ก็ควรพอ ไม่จำเป็นต้องโลภเกินไป</li>
<li><strong>วางแผนและทำตามแผน</strong>: อย่าปล่อยให้ความโลภทำให้คุณออกนอกเส้นทาง ต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม</li>
<li><strong>พักบ้าง</strong>: เมื่อรู้สึกว่าอารมณ์เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง พักสักนิด กลับมาดูตลาดในมุมมองที่มีเหตุผล</li>
</ol>
<hr>
<p>สุดท้ายแล้ว การเทรดนั้นคือการเดินทางที่ต้องใช้เวลาและวินัย ความโลภเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ แต่การควบคุมมันได้จะทำให้เราอยู่ในเกมได้ยาวนานกว่า และผมเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เราสามารถควบคุมตัวเองได้ นั่นแหละคือกุญแจสู่ความสำเร็จในตลาด</p>
<p>ขอบคุณที่อ่านนะครับ หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้อะไรจากประสบการณ์ของผมไปบ้าง 555</p>



## ความโลภในการเทรด: เพราะใคร ๆ ก็อยากรวยเร็ว แต่ลืมไปว่า "ใจต้องเย็น"

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง "ความโลภ" ในการเทรดดีกว่า ใคร ๆ ก็รู้ว่าในการเทรดนั้น **ความโลภ** มักเป็นสิ่งที่ทำให้นักเทรดหลายคนต้องตกหลุมไปไม่มากก็น้อย ผมเองก็เจอมาเหมือนกัน (เยอะด้วยนะ 555) เรามาดูกันว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง และจะป้องกันตัวเองยังไง

### ทุกคนอยากรวยเร็ว แต่มันมีราคาที่ต้องจ่าย

มันเป็นเรื่องธรรมดาเลยครับ เมื่อเราเห็นกราฟพุ่งขึ้น เราก็จะเริ่มคิดในใจว่า "เอ๊ะ... ถ้าใส่เพิ่มเข้าไปหน่อย คงได้กำไรอีกแน่ ๆ" แต่พอใส่เข้าไปปุ๊บ กราฟมันดันพุ่งลงทันที! ตอนนั้นบอกเลยครับ ใจผมนี่ตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว เหมือนอยู่ดี ๆ ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่ไม่มีทางออก

การเทรดมันไม่เหมือนการซื้อลอตเตอรี่ครับ เราต้องมีแผนและมีการจัดการความเสี่ยง แต่พอความโลภเข้ามาเกี่ยว ทุกอย่างพังได้ง่าย ๆ เลย

> "อยากรวยเร็วไม่ผิด แต่ลืมไปว่าใจต้องเย็นก่อน" — เพื่อนเทรดคนหนึ่งเคยบอกผมไว้ และมันจริงมากครับ

### ความโลภทำให้เรามองไม่เห็นความเสี่ยง

ความโลภทำให้เราเหมือนใส่แว่นตาที่บังความเสี่ยงทุกอย่างในตลาด จู่ ๆ ก็คิดว่า "กราฟนี้ยังไงก็ไปต่อได้แน่ ๆ" แต่สุดท้ายแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ความจริงคือเราต้องมองตลาดอย่างมีเหตุผล แต่ตอนที่ความโลภเข้ามาคุมเกม สมองของเรามักจะปิดการประมวลผลความเสี่ยงไปซะเฉย ๆ

![ความโลภในการเทรด|ภาพประกอบเกี่ยวกับความโลภในการเทรด](/articles/greedy_trading.webp)

### เรื่องขำ ๆ ของผมกับความโลภ

มีครั้งหนึ่งที่ผมคิดว่าผมเจอ "โอกาสทอง" ในการเทรด ผมเห็นกราฟพุ่งขึ้นเร็วมาก และแน่นอน... ผมใส่เงินเพิ่มเข้าไปเต็มที่ แล้วก็เฝ้ารอให้กราฟพุ่งต่อไป แต่กลับกลายเป็นว่ากราฟดันพุ่งลงแทบจะทันที ตอนนั้นผมนี่หัวเราะไม่ออกเลยครับ 555 แต่ก็เป็นบทเรียนที่สอนให้ผมรู้ว่า การเทรดมันไม่ได้เกี่ยวกับโชค มันเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์

> "เมื่อคุณอยากรวยเร็ว สิ่งแรกที่คุณต้องเตือนตัวเองคือ ถามว่าคุณเสี่ยงมากไปหรือเปล่า?"

### วิธีจัดการความโลภ

1. **ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน**: รู้ว่าเป้าหมายการเทรดของคุณคืออะไร และหากถึงเป้าหมายแล้ว ก็ควรพอ ไม่จำเป็นต้องโลภเกินไป
2. **วางแผนและทำตามแผน**: อย่าปล่อยให้ความโลภทำให้คุณออกนอกเส้นทาง ต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
3. **พักบ้าง**: เมื่อรู้สึกว่าอารมณ์เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง พักสักนิด กลับมาดูตลาดในมุมมองที่มีเหตุผล

---

สุดท้ายแล้ว การเทรดนั้นคือการเดินทางที่ต้องใช้เวลาและวินัย ความโลภเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ แต่การควบคุมมันได้จะทำให้เราอยู่ในเกมได้ยาวนานกว่า และผมเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เราสามารถควบคุมตัวเองได้ นั่นแหละคือกุญแจสู่ความสำเร็จในตลาด

ขอบคุณที่อ่านนะครับ หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้อะไรจากประสบการณ์ของผมไปบ้าง 555


เมื่อความโลภกลายเป็นศัตรูของการเทรด เรื่องราวของนักเทรดที่ต้องเจอกับการตัดสินใจพลาดเพราะความโลภ

ความโลภในการเทรด: เพราะใคร ๆ ก็อยากรวยเร็ว แต่ลืมไปว่า ใจต้องเย็น

<h2>นิยามการลงทุน: คุณเข้ามาเพื่ออะไร</h2>
<p>ในโลกของการลงทุน ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็อยากที่จะเข้ามาในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น คริปโต หรือสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ในตลาดนี้มีเพียงไม่ถึง 10% ของผู้ที่เข้ามาที่สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบคือหลายคนไม่รู้แน่ชัดว่าตนเองเข้ามาทำอะไรในตลาดนี้</p>
<p>สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุดคือ <strong>"คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณเข้ามาเพื่ออะไร?"</strong> เพราะความแตกต่างของแนวทางการลงทุน การเทรด หรือการพนันนั้นลึกซึ้ง และมันจะมีผลต่อความสำเร็จในระยะยาว</p>
<p><img src="/articles/plan-grow.webp" alt="Know who you are| You&#x27;re paid to wait"></p>
<hr>
<h2>ความแตกต่างระหว่างการลงทุน, การเทรด และการพนัน</h2>
<h3>1. การลงทุนระยะยาว</h3>
<p>การลงทุนระยะยาวเป็นสิ่งที่ต้องการความอดทน และสำหรับผมมันคือการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณค่าอย่างแท้จริง การถือสินทรัพย์เหล่านี้ในระยะยาวจะทำให้เกิดผลตอบแทนที่มั่นคง ตัวอย่างเช่น การใช้กลยุทธ์ <strong>DCA (Dollar-Cost Averaging)</strong> ที่เราซื้อสินทรัพย์ในปริมาณเท่า ๆ กันอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะในช่วงตลาดขาขึ้นหรือขาลง รวมถึงการทำ <strong>Rebalance</strong> พอร์ตโฟลิโอเพื่อปรับสมดุลความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เราสามารถรับได้</p>
<p>การลงทุนระยะยาวไม่ใช่แค่เรื่องของการคาดเดาตลาดในระยะสั้น มันคือการตัดสินใจที่ใช้ความอดทนและความมั่นคงในแนวคิด</p>
<blockquote>
<p>"การลงทุนระยะยาวนั้นเปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งแข่งระยะสั้น"</p>
</blockquote>
<p>และเพื่อประสบความสำเร็จ เราต้องรู้จักการบริหารหน้าตัก การจัดการเงินทุน และการรอคอยอย่างชาญฉลาด</p>
<p>แม้แต่การลงทุนระยะยาวก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตา เพราะทุกการตัดสินใจยังต้องการการวิเคราะห์และวางแผนเสมอ</p>
<hr>
<h3>2. การเทรด</h3>
<p>สำหรับผู้ที่เลือกเส้นทางการเทรดระยะสั้น การมี <strong>Stop Loss</strong> ที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ การเทรดอาจทำให้เราคิดว่าเรากำลังควบคุมตลาด แต่ในความเป็นจริง การควบคุมความเสี่ยงและการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด</p>
<p>นอกจากนี้ การรอคอยโอกาสที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ยากแต่จำเป็นในโลกของการเทรด</p>
<blockquote>
<p>"การเทรดที่ดีไม่ใช่การเทรดบ่อย แต่คือการเทรดเมื่อมีโอกาสที่ดีที่สุด"</p>
</blockquote>
<p>การตัดสินใจที่เร็วเกินไปอาจทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด การรู้จักรอและวางแผนให้ดีจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเทรด</p>
<p>แม้ว่าการเทรดจะมีโอกาสทำกำไรได้สูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ผมไม่ได้คิดว่าการเทรดเป็นสิ่งที่ผิด แต่ควรทำอย่างมีวินัยและแผนที่ชัดเจน</p>
<hr>
<h3>3. การพนัน</h3>
<p>สุดท้าย สำหรับผู้ที่มองว่าตลาดเป็นการพนัน ความคิดแบบนี้อาจจะทำให้คุณสูญเสียมากกว่าที่คาดการณ์ได้ การพนันในตลาดการเงินไม่ยั่งยืน เพราะคุณอาจจะชนะในบางช่วง แต่สุดท้ายแล้วโอกาสที่จะเสียมากกว่าได้รับนั้นมีมากกว่าเสมอ</p>
<p>การใช้ Leverage สูงเกินไป การหวังผลกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ โดยไม่มีแผนการบริหารความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่คล้ายกับการเล่นพนัน และสุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์มักไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง</p>
<hr>
<p><img src="/articles/plan-before-invest.webp" alt="Plan before investment| Wait and take action"></p>
<p>การเข้ามาในตลาดการเงินไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนหรือเทรด สิ่งสำคัญที่สุดคือการนิยามตัวเองให้ชัดเจนก่อน <strong>"คุณต้องรู้ว่าคุณเข้ามาทำอะไร"</strong> คุณต้องรู้จักความเสี่ยงที่คุณรับได้ การจัดการหน้าตัก และที่สำคัญที่สุดคือความอดทน</p>
<p>ผมไม่เคยอ้างว่าผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการลงทุน แต่สิ่งที่ผมรู้คือการวางแผนและการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และการตัดสินใจที่ดีมักเกิดจากการวางแผนที่รอบคอบ ไม่ใช่การคาดเดา</p>
<p>ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ การตั้งคำถามกับตัวเองว่า "คุณเข้ามาเพื่ออะไร?" จะช่วยให้คุณมีแนวทางที่ชัดเจน และไม่หลงทางไปกับความผันผวนของตลาด เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขและความพอใจในสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่เพียงแค่ผลกำไร</p>
<hr>



## นิยามการลงทุน: คุณเข้ามาเพื่ออะไร

ในโลกของการลงทุน ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็อยากที่จะเข้ามาในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น คริปโต หรือสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ในตลาดนี้มีเพียงไม่ถึง 10% ของผู้ที่เข้ามาที่สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบคือหลายคนไม่รู้แน่ชัดว่าตนเองเข้ามาทำอะไรในตลาดนี้

สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุดคือ **"คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณเข้ามาเพื่ออะไร?"** เพราะความแตกต่างของแนวทางการลงทุน การเทรด หรือการพนันนั้นลึกซึ้ง และมันจะมีผลต่อความสำเร็จในระยะยาว

![Know who you are| You're paid to wait](/articles/plan-grow.webp)

---

## ความแตกต่างระหว่างการลงทุน, การเทรด และการพนัน

### 1. การลงทุนระยะยาว

การลงทุนระยะยาวเป็นสิ่งที่ต้องการความอดทน และสำหรับผมมันคือการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณค่าอย่างแท้จริง การถือสินทรัพย์เหล่านี้ในระยะยาวจะทำให้เกิดผลตอบแทนที่มั่นคง ตัวอย่างเช่น การใช้กลยุทธ์ **DCA (Dollar-Cost Averaging)** ที่เราซื้อสินทรัพย์ในปริมาณเท่า ๆ กันอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะในช่วงตลาดขาขึ้นหรือขาลง รวมถึงการทำ **Rebalance** พอร์ตโฟลิโอเพื่อปรับสมดุลความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เราสามารถรับได้

การลงทุนระยะยาวไม่ใช่แค่เรื่องของการคาดเดาตลาดในระยะสั้น มันคือการตัดสินใจที่ใช้ความอดทนและความมั่นคงในแนวคิด

> "การลงทุนระยะยาวนั้นเปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งแข่งระยะสั้น"

และเพื่อประสบความสำเร็จ เราต้องรู้จักการบริหารหน้าตัก การจัดการเงินทุน และการรอคอยอย่างชาญฉลาด

แม้แต่การลงทุนระยะยาวก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตา เพราะทุกการตัดสินใจยังต้องการการวิเคราะห์และวางแผนเสมอ

---

### 2. การเทรด

สำหรับผู้ที่เลือกเส้นทางการเทรดระยะสั้น การมี **Stop Loss** ที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ การเทรดอาจทำให้เราคิดว่าเรากำลังควบคุมตลาด แต่ในความเป็นจริง การควบคุมความเสี่ยงและการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

นอกจากนี้ การรอคอยโอกาสที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ยากแต่จำเป็นในโลกของการเทรด

> "การเทรดที่ดีไม่ใช่การเทรดบ่อย แต่คือการเทรดเมื่อมีโอกาสที่ดีที่สุด"

การตัดสินใจที่เร็วเกินไปอาจทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด การรู้จักรอและวางแผนให้ดีจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเทรด

แม้ว่าการเทรดจะมีโอกาสทำกำไรได้สูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ผมไม่ได้คิดว่าการเทรดเป็นสิ่งที่ผิด แต่ควรทำอย่างมีวินัยและแผนที่ชัดเจน

---

### 3. การพนัน

สุดท้าย สำหรับผู้ที่มองว่าตลาดเป็นการพนัน ความคิดแบบนี้อาจจะทำให้คุณสูญเสียมากกว่าที่คาดการณ์ได้ การพนันในตลาดการเงินไม่ยั่งยืน เพราะคุณอาจจะชนะในบางช่วง แต่สุดท้ายแล้วโอกาสที่จะเสียมากกว่าได้รับนั้นมีมากกว่าเสมอ

การใช้ Leverage สูงเกินไป การหวังผลกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ โดยไม่มีแผนการบริหารความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่คล้ายกับการเล่นพนัน และสุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์มักไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

---

![Plan before investment| Wait and take action](/articles/plan-before-invest.webp)

การเข้ามาในตลาดการเงินไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนหรือเทรด สิ่งสำคัญที่สุดคือการนิยามตัวเองให้ชัดเจนก่อน **"คุณต้องรู้ว่าคุณเข้ามาทำอะไร"** คุณต้องรู้จักความเสี่ยงที่คุณรับได้ การจัดการหน้าตัก และที่สำคัญที่สุดคือความอดทน

ผมไม่เคยอ้างว่าผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการลงทุน แต่สิ่งที่ผมรู้คือการวางแผนและการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และการตัดสินใจที่ดีมักเกิดจากการวางแผนที่รอบคอบ ไม่ใช่การคาดเดา

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ การตั้งคำถามกับตัวเองว่า "คุณเข้ามาเพื่ออะไร?" จะช่วยให้คุณมีแนวทางที่ชัดเจน และไม่หลงทางไปกับความผันผวนของตลาด เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขและความพอใจในสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่เพียงแค่ผลกำไร

---


ก่อนที่จะเข้ามาเล่นในเกมการเงิน สิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้ตัวเองก่อน ว่าคุณเข้ามาทำอะไรในเกมๆนี้

ลงทุนอย่างไรให้ได้ผล: คุณกำลังเข้ามาเพื่ออะไร?

รวมทุกบทความในหมวดการลงทุน